ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ร่วมอนุรักษ์ฟื้นฟูธรรมชาติ จัดกิจกรรมปลูกป่าชายเลนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ 70 พรรษา 2 เมษายน 2568 ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลนที่ 2 ตำบลบางหญ้าแพรก อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร

วันศุกร์ที่ 25 เมษายน 2568 ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์รัชตะ รัชตะนาวิน รักษาการรองเลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เป็นประธานในพิธีเปิด “โครงการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ร่วมอนุรักษ์ฟื้นฟูปลูกป่าชายเลน เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ 70 พรรษา 2 เมษายน 2568” โดยมีร้อยตำรวจเอก เขตรัฐ ชาญศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ส่วนราชการ บุคลากรและนักศึกษาราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลนที่ 2 จังหวัดสมุทรสาคร จิตอาสาและประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมกิจกรรมปลูกป่าในครั้งนี้ ทั้งนี้ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์และภาคีเครือข่ายได้ร่วมกันปลูกต้นแสมทะเลและต้นแสมขาว จำนวน 370 ต้น  พร้อมร่วมใจกันเก็บและคัดตกค้างในพื้นที่ป่าชายเลน และแยกขยะในแต่ละประเภท ในพื้นที่ของศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลนที่ 2 จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลและเพื่ออนุรักษ์ฟื้นฟูป่าชายเลน ซึ่งมีความสำคัญในการสร้างสมดุลให้กับระบบนิเวศ รวมไปถึงเป็นแหล่งเรียนรู้ทางธรรมชาติด้วย อนึ่ง ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ได้จัดกิจกรรมปลูกป่าต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี ทั้งนี้ เพื่อปลูกจิตสำนึกด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมให้แก่บุคลากร ตลอดจนบูรณาการร่วมกับหน่วยงานและประชาชนในพื้นที่ พร้อมร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการรับผิดชอบต่อสังคม คืนความสมดุลให้ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อความสุขอย่างยั่งยืน

ด้วยสำนึกในพระกรุณาธิคุณใน สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนชาวไทย ทรงดำเนินงานตามแนวทางการพัฒนาตามพระราชปณิธานของสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงมีพระราชหฤทัย มุ่งมั่นที่จะแก้ไข ปรับปรุง พัฒนา อนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชายเลนให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ทรงเห็นถึงความสำคัญของป่าชายเลน ในการช่วยป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งทะเล และการเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำ ซึ่งเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญ สำหรับชุมชนชายทะเล การปลูกป่าชายเลน ที่พระองค์ทรงริเริ่มนั้นมุ่งเน้นไปที่การปลูกต้นกล้าชายเลนในพื้นที่ที่ถูกทำลายและฟื้นฟูสภาพแวดล้อม การรักษาสมดุลทางธรรมชาติ ป่าชายเลนจึงไม่เพียงแค่ช่วยรักษาชายฝั่งและเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ แต่ยังช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจของชุมชนท้องถิ่นในระยะยาวอีกด้วย ด้วยพระกรุณาธิคุณและเพื่อสนองพระราชดำริ ที่ทรงห่วงใยด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะป่าไม้และพื้นที่ป่าต้นน้ำ ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของแหล่งน้ำสำคัญ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ จึงได้ดำเนินการจัดโครงการนี้ขึ้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ 70 พรรษา รวมทั้งเป็นการสืบสานพระราชปณิธาน ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและส่งเสริมการพัฒนาประโยชน์ให้กับประชาชนและประเทศได้อย่างยั่งยืน อีกทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมแสดงความจงรักภักดี และปลูกฝังจิตสำนึกให้ตระหนักถึงความสำคัญของทรัพยากรป่าไม้อีกด้วย

สำหรับความเป็นมาของศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลนที่ 2 จังหวัดสมุทรสาคร ในปี พ.ศ. 2518 จังหวัดสมุทรสาครเคยมีป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์กว่า 100,000 ไร่ เป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำ และช่วยปกป้องชายฝั่งจากการกัดเซาะ การขยายตัวของชุมชน การเลี้ยงกุ้ง และการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดิน ทำให้ป่าชายเลนลดลงอย่างรวดเร็ว จนปัจจุบัน คงเหลือพื้นที่ป่าชายเลนที่อยู่ในความดูแลของรัฐ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าชายเลนปากอ่าวมหาชัย ฝั่งตะวันตกเพียง 600 ไร่ เพื่อแก้ไขปัญหานี้ ชุมชนบางหญ้าแพรกได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทำโครงการฟื้นฟูป่าชายเลน โดยทดลองสร้างแนวทิ้งหิน เพื่อป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง มีการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติควบคู่กันไป และในปี พ.ศ. 2543 กรมป่าไม้ร่วมกับชุมชนและภาคเอกชน จัดตั้ง ศูนย์ศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนอ่าวมหาชัย เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับระบบนิเวศป่าชายเลน ซึ่งเปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2545 เมื่อมีการปฏิรูประบบราชการในปีเดียวกัน กรมป่าไม้ได้โอนภารกิจด้านป่าชายเลนให้แก่ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ส่งผลให้ศูนย์ฯ ได้รับการยกระดับเป็น “สถานีวิจัยและพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลนที่ 5 สมุทรสาคร” โดยเน้นงานวิจัย การฟื้นฟูทรัพยากร และเผยแพร่ความรู้แก่ประชาชน ต่อมา ศูนย์ฯ ได้ขยายบทบาทและพื้นที่ศึกษาวิจัยครอบคลุม 4 จังหวัด ได้แก่ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ และได้รับเปลี่ยนชื่อเป็น “ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลนที่ 2”