ไวรัสไข้หวัดใหญ่
เกิดจากการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ (Influenza virus) ก่อให้เกิดอาการไข้สูง น้ำมูก ไอ ปวดเมื่อยตามตัวหรืออาการหอบเหนื่อย อาการหนักหรือเบาขึ้นกับสภาพร่างกาย และระบบภูมิคุ้มกันของผู้ป่วย โดยผู้ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะมีอาการหนักหรือปอดอักเสบได้แก่
- เด็กอายุน้อยกว่า 5 ปี
- ผู้สูงอายุ
- ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ โรคปอด ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง โรคมะเร็ง รับประทานยากดภูมิคุ้มกัน, คนท้อง หรือภาวะอ้วน เป็นต้น
โดยไวรัสไข้หวัดใหญ่ในประเทศไทยจะระบาดตลอดทั้งปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงหน้าฝนและหน้าหนาว
วัคซีนไข้หวัดใหญ่มี 4 สายพันธุ์ โดยแบ่งเป็นสายพันธุ์ A 2 สายพันธุ์ และสายพันธุ์ B 1-2 สายพันธุ์ ขึ้นกับชนิดของวัคซีน โดยสายพันธุ์ที่จะนำมาผลิตวัคซีนจะเปลี่ยนไปทุกๆ 6 เดือน ขึ้นกับข้อมูลการระบาดในปีนั้นๆ นั่นคือสาเหตุว่าทำไมเราถึงต้องฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ใหม่ทุกปี
- ช่วยลดความรุนแรงของโรค
- ลดโอกาสการนอนโรงพยาบาล หรือลดระยะเวลาการป่วย
- ลดโอกาสการเสียชีวิตจากโรค โดยเฉพาะผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง
โดยทั่วไปสามารถฉีดได้ในทุกกลุ่มอายุ ตั้งแต่เด็กจนกระทั่งผู้สูงอายุ แต่จะมุ่งเน้นไปยังกลุ่มเด็กเล็ก กลุ่มผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง คนท้อง ผู้ป่วยโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง
• ภาวะแพ้ไข่ เช่น มีผื่นตามตัว ปากบวม ตาบวม สามารถฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้
• ถ้ามีภาวะแพ้ไข่แบบรุนแรง (Anaphylaxis) สามารถฉีดได้แต่ต้องอยู่ภายใต้การสังเกตอาการแพ้จากบุคลากรทางการแพทย์
วัคซีนไข้หวัดใหญ่ในประเทศไทยเป็นชนิดเชื้อตาย สามารถฉีดพร้อมกับวัคซีนอื่นได้ในวันเดียว แม้กระทั่ง วัคซีนโควิด-19 หลังฉีดผู้ป่วยอาจมีอาการไข้ต่ำๆ ปวดเมื่อย ปวดบวมแดงบริเวณที่ฉีดประมาณ 1-2 วันและหายเองได้