โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน…เป็นอย่างไร

ปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน

1.   การติดเชื้อในหูชั้นกลางและหูชั้นใน รวมถึงเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
2.   ฮอร์โมน มีการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนเพศ และฮอร์โมนไทรอยด์
3.  พฤติกรรม การพักผ่อนไม่เพียงพอ มีความเครียด ดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ รวมถึงการรับประทานอาหารโซเดียมสูงหรืออาหารรสจัด
4.  สภาพแวดล้อม อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดังมากเกิน 80 เดซิเบลเป็นเวลานานมากกว่า 30 นาที

โรคนี้รักษาได้

แพทย์เฉพาะทางหูคอจมูกจะเป็นผู้ตรวจและรักษาผู้ป่วยตามอาการของโรคตามความรุนแรง เช่น

การปรับพฤติกรรม หากผู้ป่วยมีอาการไม่รุนแรง แพทย์จะแนะนำให้พักผ่อนให้เพียงพอ หมั่นออกกำลังกาย และพยายามคลายความวิตกกังวลหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเค็มจัด  หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ หากผู้ป่วยยังมีอาการเวียนศีรษะ ควรหลีกเลี่ยงการขับขี่ยานพาหนะ

การรับประทานยาในผู้ป่วยที่อาการปานกลางถึงรุนแรง เช่น การทานยาขับปัสสาวะ เพื่อลดสภาวะอาการบวม และการคั่งของน้ำในหูชั้นใน รวมทั้งยาขยายหลอดเลือดจะช่วยให้การไหลเวียนของน้ำในหูดีขึ้น และยานอนหลับ เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยผ่อนคลายและนอนหลับได้เป็นปกติ

การฉีดยา แพทย์จะทำการฉีดยาเข้าไปที่หูชั้นในโดยตรง เพื่อทำลายเซลล์ที่ก่อให้เกิดอาการเวียนศีรษะ และเมื่อเซลล์ตายอาการดังกล่าวจะหายไป โดยไม่ต้องทำการผ่าตัดรักษา

การผ่าตัด ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการเวียนศีรษะไม่หาย มีอาการรุนแรง รักษาด้วยวิธีต่างๆ แล้วไม่ดีขึ้น แพทย์จะแนะนำให้รักษาด้วยการผ่าตัดเพื่อระบายน้ำที่คั่งอยู่ในหูชั้นในออก

“โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน” สามารถดูแลรักษาให้หายขาดได้หากปฏิบัติตนตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด”

โสต ศอ นาสิก ลาริงซ์วิทยา

  ชั้น 12  ศูนย์การแพทย์มะเร็งวิทยาจุฬาภรณ์  โรงพยาบาลจุฬาภรณ์
  วันจันทร์ – วันพฤหัสบดี  เวลา 08.00 – 20.00 น.
  วันศุกร์  เวลา 08.00 – 16.00 น.
  วันเสาร์ – วัน อาทิตย์  เวลา 08.00 – 12.00 น.
  โทร. 0 2576 6815