30 กันยายน 2563 : ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์เปิดบ้านโชว์ศักยภาพของคณะเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์สุขภาพ ววจ. ผลิตนักวิทยาศาสตร์สุขภาพ และบุคลากรทางการแพทย์ที่ขาดแคลนเพื่อรองรับสังคมสูงวัย

30 กันยายน 2563 : ศาสตราจารย์ แพทย์หญิงจิรพร เหล่าธรรมทัศน์ คณบดีคณะเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์สุขภาพ วิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ นำสื่อมวลชนเยี่ยมชมการเรียนการสอนและเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัยในการผลิตบัณฑิตนักวิทยาศาสตร์สุขภาพ และบุคลากรทางการแพทย์ที่ขาดแคลนเพื่อรองรับสังคมผู้สูงวัย ณ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์

คณะเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์สุขภาพ วิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ มุ่งเน้นการสร้างคนเพื่อสร้างชาติในสาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์และสุขภาพที่ขาดแคลน เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของประเทศชาติและช่วยดูแลสุขภาพของปวงชนชาวไทย ตามพระปณิธานใน ศาสตราจารย์ ดร. สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ที่ทรงมีพระปณิธานเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยในท้องถิ่นทุรกันดาร ให้สามารถเข้าถึงบริการสุขภาพที่ได้มาตรฐาน โดยมีหลักสูตรการเรียนการสอนที่มุ่งสร้างนักอัลตราซาวด์ นักรังสีเทคนิคระดับปริญญาตรี และระดับผู้เชี่ยวต่อยอดสาขาต่างๆ มีโรงเรียนฉุกเฉินการแพทย์ (ต่อเนื่อง) ผลิตเจ้าหน้าที่ฉุกเฉิน และหน่วยกู้ภัยที่มีศักยภาพพร้อมในการดูแลผู้ป่วยระหว่างที่นำส่งโรงพยาบาล และโรงเรียนนวัตกรรมการบริหารจัดการสถานพยาบาล ที่จะมุ่งสร้างบุคลากรที่ช่วยในการบริหารจัดการและสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ในสถานพยาบาล รวมทั้งสร้างนักวิทยาศาสตร์การเคลื่อนไหวและสุขภาพ เพื่อสร้างเสริมสุขภาพของคนไทยในการปรับใช้ท่าทางต่างๆของร่างกายในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ และร่วมดูแลสร้างสรรค์สมรรถภาพนักกีฬาไทยสู่สากล สร้างผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่ได้มาตรฐานวิชาชีพ และมาตรฐานทางวิชาการในระดับสากล เพื่อส่งเสริมการดูแลสุขภาพของปวงชนชาวไทยด้วยผู้เชี่ยวชาญให้ครอบคลุม โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทห่างไกลทุรกันดาร

นักรังสีเทคนิค…ดาวรุ่งของของวงการแพทย์

แม้ว่าเราจะมีเทคโนโลยีด้านสุขภาพมากมาย แต่การจะใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริงนั้น จำเป็นต้องอาศัยความรู้ความชำนาญของบุคลากร ศาสตราจารย์ แพทย์หญิงจิรพร เหล่าธรรมทัศน์ คณบดีคณะเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์สุขภาพ วิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ กล่าวว่า “เรื่องบุคลากรก็ยังคงเป็นปัญหาใหญ่ที่ประเทศไทยต้องแก้ เช่น ประเทศเราควรต้องมีนักรังสีเทคนิค 6,000 – 7,000 คน จึงจะเพียงพอต่อการบริการทางการแพทย์ ซึ่งปัจจุบันที่เรียนจบทางนี้มีอยู่ราว 5,000 คน แต่อยู่ในอาชีพนี้จริงๆ เพียง 4,000 กว่าคนเท่านั้น โดยเกือบครึ่งหนึ่งของจำนวนบุคลากรด้านนี้อยู่ในโรงพยาบาลเอกชน ที่เหลือประจำอยู่ในโรงพยาบาลรัฐ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในโรงพยาบาลศูนย์ของจังหวัดต่าง ๆ แต่โรงพยาบาลขนาดรองลงไปยังขาดแคลนอยู่มาก หลายที่จำเป็นต้องใช้บุคลากรที่ไม่ได้จบด้านนี้โดยตรง”

“รังสีเทคนิคมีบทบาทในการวินิจฉัยโรคเป็นอย่างมาก อย่างที่เห็นได้ชัดเจน คือ การใช้ผลเอ็กซ์เรย์และเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ ประกอบการวินิจฉัยและรักษาโรคโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา ปัจจุบันผลจากการทำเอ็กซ์เรย์/เอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ หรือ MRI สามารถอ่านผลแบบดิจิทัลได้ ทำให้รังสีแพทย์สามารถดูผลจากระยะไกลได้ สามารถส่งผลไปยังโรงพยาบาลศูนย์หรือโรงพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อวินิจฉัยโรคและวางแผนการรักษาได้ แต่การจะได้ภาพที่เหมาะสมเพียงพอต่อการวินิจฉัยก็จำเป็นต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของนักรังสีเทคนิค ในการทำให้ภาพเหล่านั้นแสดงออกมา การแพทย์ยุคนี้เรามีเครื่องมือที่ดีขึ้นมาก แต่หากไม่มีทักษะและความชำนาญ ต่อให้เครื่องมือที่ใช้จะแพงแค่ไหน หรือมีเทคโนโลยีดีแค่ไหน ก็อาจกลายเป็นความเปล่าประโยชน์”

“ปัจจุบันประเทศไทยผลิตนักรังสีเทคนิคได้เพียงปีละ 500 คน และจะมีเพิ่มขึ้นเป็น 700-800 คนในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ขณะที่ความต้องการบุคลากรเติบโตขึ้นทุกปี ราวปีละ 5-8% จากความต้องการ 7,000 คน ซึ่งหากเรายังผลิตได้เท่านั้นก็ทิ้งห่างจากความต้องการจริงๆของสังคมอยู่หลายปี พอมองกลับไปที่ปัญหา ในฐานะที่เราเป็นหน่วยงานการศึกษา เราพบว่าปัจจัยสำคัญที่จะแก้ปัญหา คือ ต้องสร้างครูอาจารย์ที่จะมาสอนให้มากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาทางคณะเราเองก็ให้ทุนนักศึกษาเต็มจำนวน มีมาตรการในการจูงใจให้นักรังสีเทคนิคอยากศึกษาต่อ เพื่อมาเป็นอาจารย์ มีการปรับปรุงค่าตอบแทนให้เหมาะสม อีกปัจจัยหนึ่งคือการปรับในเชิงนโยบายหรือกฎหมายของรัฐ เนื่องจากมีการกำหนดไว้ว่าอัตราส่วนครู 1 คนจะสอนนักศึกษาได้8 คน หากรัฐมีการผ่อนปรน โดยที่ไม่กระทบคุณภาพการเรียนการสอน ก็จะช่วยติดปีกให้เราสร้างนักรังสีเทคนิคได้พอกับความต้องการ”

Sonographer-นักอัลตราซาวด์ อาชีพต่อยอด…อนาคตรุ่ง

Sonographer อีกอาชีพหนึ่ง ที่มีการเติบโตอย่างมากในต่างประเทศ เป็นอาชีพที่ผสานความเชี่ยวชาญของนักรังสีเทคนิค กับนักอัลตราซาวด์ ซึ่งในประเทศที่นักรังสีเทคนิคไม่ขาดแคลน ก็จะมาศึกษาและฝึกฝนการทำอัลตราซาวด์ เพื่อเป็น Sonographer เพราะนักรังสีเทคนิคนั้นจะมีความเชี่ยวชาญในเรื่องกายวิภาคและพยาธิสภาพเป็นพื้นฐานอย่างดี ซึ่งอาชีพนี้เป็นอาชีพที่ได้รับค่าตอบแทนสูง และกลายมาเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่ได้รับความนิยมในออสเตรเลีย อเมริกา ประเทศในยุโรป รวมทั้งประเทศในเอเชีย อย่างสิงคโปร์

“อัลตราซาวด์ มีบทบาทเพิ่มขึ้นอย่างมากในการรักษา เดี๋ยวนี้เครื่องอัลตราซาวด์มีราคาไม่แพง และถูกใช้อย่างแพร่หลายมากขึ้น ไม่จำกัดเฉพาะในสูตินารีแพทย์อีกต่อไป อย่างเช่น ศัลยแพทย์หลอดเลือด วิสัญญีแพทย์ แพทย์ที่รักษาหูคอจมูก แพทย์รักษาต่อมไร้ท่อ การผ่าตัดช่องท้อง เป็นต้น แต่การจะทำอัลตราซาวด์ให้ดีต้องอาศัยการเรียนรู้และฝึกฝน โรงเรียนนักอัลตราซาวด์ทางการแพทย์ ของคณะเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์สุขภาพ วิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ จึงเป็นแห่งแรกและแห่งเดียวในเมืองไทย ที่เราเปิดขึ้นเพื่อให้พร้อมรับมือกับความต้องการบุคลากรที่เพิ่มขึ้นในอนาคตอันใกล้ ด้วยความร่วมมือกับ Monash University ประเทศออสเตรเลีย เราหวังว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า จะสามารถเติมเต็มความต้องการนักอัลตราซาวด์ 1,250 อัตรา ให้กับโรงพยาบาลรัฐทั่วประเทศไทยได้ ช่วยลดภาระของแพทย์ในการตรวจรักษา รวมทั้งบุคลากรทางการแพทย์สามารถมาเรียนเพื่อต่อยอดความรู้ เพิ่มประสิทธิภาพในวินิจฉัยและการรักษาผู้ป่วย ทั้งในด้านบริการรักษา และเชิงรุกในการค้นหาโรคระยะเริ่มต้น ทำให้ป้องกันและรักษาให้หายขาดได้ ” ศ.พญ.จิรพร กล่าว

โอกาสอาชีพ…จากสังคมสูงวัย

โรงเรียนวิทยาศาสตร์การเคลื่อนไหวและสุขภาพ ภายใต้คณะเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์สุขภาพ ก็เป็นอีกหนึ่งหน่วยงานที่มุ่งสร้างบุคลากรให้ตอบรับกับโจทย์แห่งอนาคตของประเทศไทย นั่นคือ สังคมสูงวัย

ศ.พญ.จิรพร กล่าวว่า “หลายสถาบันในเมืองไทยมุ่งเน้นในเรื่องวิทยาศาสตร์การกีฬา แต่โรงเรียนแห่งนี้จะมุ่งเน้นที่จะสร้างบุคลากรเพื่อรับมือกับสังคมสูงวัยที่กำลังมาถึง ซึ่งในอนาคตจะมีบทบาทอย่างมากในการช่วยลดความเจ็บป่วยของผู้คน มีความรู้ความเชี่ยวชาญในสรีรศาสตร์และการเคลื่อนไหว สามารถออกแบบการเคลื่อนไหวที่ถูกต้องให้กับผู้สูงวัยได้ มีความรู้ที่สามารถเป็นโค้ชให้นักกีฬาและเป็นเทรนเนอร์ออกกำลังกายได้”

นอกเหนือจากหลักสูตรระดับปริญญาตรี โรงเรียนวิทยาศาสตร์การเคลื่อนไหวและสุขภาพ ยังมีหลักสูตรระยะสั้นที่ได้การตอบรับเป็นอย่างดี มีบุคลากรในวิชาชีพที่เกี่ยวกับสุขภาพให้ความสนใจและเข้ามาอบรม เพื่อนำความรู้ในการดูแลผู้สูงวัยไปปรับใช้ในหน้าที่การงานเป็นจำนวนมาก สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการปรับตัวในอาชีพ ให้สอดรับกับสถาการณ์ที่เปลี่ยนไปของสังคมที่มีความเป็นรูปธรรม

นอกจากนี้ ทางคณะเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์สุขภาพยังมีโรงเรียนฉุกเฉินการแพทย์(ต่อเนื่อง) ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับเหตุฉุกเฉินต่างๆ นอกโรงพยาบาล โดยการผลิตเจ้าหน้าที่ฉุกเฉิน และหน่วยกู้ภัยที่มีศักยภาพพร้อมในการดูแลผู้ป่วยระหว่างที่นำส่งโรงพยาบาล และโรงเรียนนวัตกรรมการบริหารจัดการสถานพยาบาล ที่จะมุ่งสร้างบุคลากรที่ช่วยในการบริหารจัดการและสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ในสถานพยาบาล ที่มีความรู้ความเข้าใจความลำบากของผู้ป่วยและความต้องการของแพทย์ พยาบาลและเภสัชกร และทำการสนับสนุนงานของบุคคลเหล่านี้ ให้ผู้ป่วยรู้สึกอุ่นใจเวลามาโรงพยาบาล และแพทย์ พยาบาล เภสัชกรมีเวลาทุ่มเทในการดูแลผู้ป่วยให้มากขึ้น