10 เมษายน 2563 : จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ได้ตระหนักถึงความปลอดภัยของผู้รับบริการในโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์และผู้ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ทุกท่าน จึงมีมาตรการการป้องกันและควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 โดยโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ได้แยกอาคารการให้บริการผู้ป่วย ซึ่งกำหนดให้อาคารศูนย์การแพทย์จุฬาภรณ์เฉลิมพระเกียรติ เป็นอาคารที่เปิดให้บริการสำหรับคลินิกโรคทางเดินหายใจ (ARI Clinic) เพื่อรองรับผู้ป่วยที่มีอาการของโรคติดเชื้อเฉียบพลันในระบบทางเดินหายใจที่ไม่รุนแรง ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19 และให้ผู้ป่วยอื่นๆ เข้ารับบริการรักษาที่อาคารศูนย์การแพทย์มะเร็งวิทยาจุฬาภรณ์ การแยกอาคารดังกล่าวก็เพื่อไม่ให้ผู้ป่วยที่สงสัยติดเชื้อโควิด-19 เข้าไปในอาคารที่ไว้รองรับการรักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง และผู้ป่วยโรคเรื้อรังอื่นๆที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงหากติดเชื้อ COVID-19 ทั้งนี้ มูลนิธิเอสซีจี ได้ตระหนักถึงปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จึงได้มอบนวัตกรรมห้องคัดกรองและตรวจผู้เสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 พร้อมห้องน้ำสำเร็จรูป มูลค่ารวม 4.2 ล้านบาทให้แก่ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ซึ่งติดตั้งพร้อมใช้งาน ณ อาคารศูนย์การแพทย์จุฬาภรณ์เฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ เพื่อรองรับการให้บริการตรวจรักษาดูแลผู้ป่วยที่สงสัย/ยืนยันติดเชื้อ COVID-19 ให้การรักษาแบบมีระยะห่างระหว่างผู้ป่วยและผู้ให้บริการรักษา ตามมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่เชื้อไวรัส COVID-19 เพื่อสุขภาพของทั้งผู้ป่วยและผู้ให้บริการรักษา
โดยนวัตกรรมห้องคัดกรองและตรวจผู้เสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 พร้อมด้วยห้องน้ำสำเร็จรูป ที่ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์นี้ นับเป็นโรงพยาบาลแห่งที่ 3 ที่ทางมูลนิธิเอสซีจีได้ส่งมอบนวัตกรรมดังกล่าวให้กับโรงพยาบาลเพื่อนำไปต่อสู้กับเชื้อโควิด-19 ที่กำลังแพร่กระจายในวงกว้าง โดยมีนายวชิระชัย คูนำวัฒนา Head of Living Solution Business ในธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี และ ดร.วิไลพร เจตนจันทร์ Advisor, President Office เอสซีจี เป็นผู้เข้ามอบให้แก่ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และมีคณะผู้บริหารของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ นำโดย รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิงฐิติมา ชินะโชติ ผู้ช่วยเลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ด้านบริการทางการแพทย์ ศาสตราจารย์ ดร.พิชัย สนแจ้ง ผู้อำนวยการสำนักความร่วมมือวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรม นายแพทย์ดำรงค์ สุกิจปัญญาโรจน์ ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ศูนย์การแพทย์จุฬาภรณ์เฉลิมพระเกียรติ และนายแพทย์ภูมินทร์ ศิลาพันธ์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ฝ่ายพัฒนาคุณภาพและบริการการแพทย์ฉุกเฉิน พร้อมทีมบุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ร่วมรับมอบ พร้อมกันนี้ ได้พาสื่อมวลชนเยี่ยมชม นวัตกรรมห้องคัดกรองและตรวจผู้เสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 ดังกล่าว ณ ด้านหน้าอาคารศูนย์การแพทย์จุฬาภรณ์เฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ในศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ ซอย 5
สำหรับนวัตกรรมห้องคัดกรองและตรวจผู้เสี่ยงติดโควิด-19 (Modular COVID Unit) ได้รับการพัฒนานวัตกรรมมาจาก Modular System ของ SCG HEIM และ Living Solution ของเอสซีจี ซึ่งติดตั้งเสร็จพร้อมใช้งานได้ภายใน 3 วัน รองรับการตรวจคัดกรองและตรวจหาเชื้อสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงจากไวรัสโควิด-19 เตรียมพร้อมป้องกันบุคลากรการแพทย์ให้ปลอดภัย โดยยูนิตที่ทางมูลนิธิเอสซีจีติดตั้งให้กับโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ คือ แบบมาตรฐานขนาดเล็กที่ทางมูลนิธิเอสซีจีได้นำมาใช้ในการก่อสร้างที่โรงพยาบาลจุฬาภรณ์เป็นที่แรก โดยมีห้องคัดกรอง Modular Screening Unit จำนวน 3 ห้อง พื้นที่ 25 ตารางเมตร และห้อง Modular Swab Unit อีกจำนวน 3 ห้อง พื้นที่ 31 ตารางเมตร รวมมูลค่า 4.1 ล้านบาท ซึ่งเหมาะสมกับพื้นที่และการใช้งานของทางโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะเพิ่มศักยภาพของโรงพยาบาลให้รับการตรวจได้อย่างมั่นใจและปกป้องบุคลากรทางการแพทย์ให้ปลอดภัยมากขึ้น โดยมีข้อดีหลัก ๆ ดังนี้
– ยูนิตแยกคนไข้และทีมแพทย์ออกจากกัน เพื่อป้องกันเชื้อไวรัสฟุ้งกระจาย
– ห้องปฏิบัติการทั้งหมดถูกแยกเป็นส่วนย่อย ๆ เพื่อแยกปิดได้ในกรณีฉุกเฉินที่เกิดการรั่วระหว่างห้องบุคลากรทางการแพทย์กับห้องผู้เข้ารับการตรวจ
– ภายในห้อง Modular Unit สำหรับแพทย์และพยาบาล จะถูกปรับความดันอากาศให้เป็น Positive Pressure และ เพิ่ม Bi-polar Ion เพื่อเข้าจับกับโมเลกุลของเชื้อไว้รัสที่อาจหลุดรอดเข้ามา ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการปฏิบัติงานสำหรับบุคลากรทางการแพทย์
– พื้นที่ของผู้ที่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อที่เข้ารับการตรวจจะเป็นพื้นที่โล่ง ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก เพื่อให้เกิดการระบายอากาศ ลดโอกาสการติดเชื้อ
– มีระบบการป้องกันอากาศรั่วไหล ที่ช่วยป้องกันฝุ่น เสียง และอากาศ เข้า-ออกตัวอาคารอย่างมีประสิทธิภาพ
– การเก็บตัวอย่าง (Swab) ปลอดภัย โดยแพทย์สอดมือผ่านแผ่นอะคริลิกที่เจาะเป็นช่องและมีถุงมือติดไว้ ซึ่งนอกจากจะมีการใช้แสงยูวีเข้มข้นสูงในการฆ่าเชื้อโรคต่าง ๆ (UV Germicide) ที่ถุงมือ และภายในห้องหลังการใช้งานทุกครั้งแล้ว ใช้เวลาประมาณ 10 นาที นอกจากนี้ ยังมีถุงมือพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งที่เปลี่ยนสำหรับคนไข้แต่ละคนครอบด้านนอกอีกครั้ง เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อให้ทั้งแพทย์และผู้มารับการตรวจ
ทั้งนี้ ทาง SCG มีความยินดีที่จะมีการแชร์ความรู้และประสบการณ์ในการจัดทำนวัตกรรมห้องคัดกรองและตรวจผู้เสี่ยงติดโควิด-19 ให้กับผู้ที่สนใจและมีศักยภาพ เพื่อมาช่วยกันพัฒนานวัตกรรมต่างๆ ที่จะมาช่วยสู้ COVID ให้กับประเทศร่วมกัน
นอกจากในส่วนของห้องคัดกรองและตรวจผู้เสี่ยงติดโควิด-19 แล้ว มูลนิธิเอสซีจียังได้มอบห้องน้ำสำเร็จรูป (Modular Bathroom) จำนวน 5 ห้อง รวมมูลค่า 1 แสนบาท ซึ่งเป็นนวัตกรรมจาก Living Solution ของเอสซีจี โดยจัดวางแยกพื้นที่สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ และผู้ป่วยที่เข้ารับการตรวจคัดกรอง โดยเป็นห้องน้ำที่มีโครงสร้างผลิตจากคอนกรีตเบาแบบเบ็ดเสร็จพร้อมใช้งานจากโรงงาน ทำความสะอาดฆ่าเชื้อง่ายจึงช่วยสร้างสุขอนามัยที่ดีให้กับผู้ใช้งาน
ทั้งนี้ นวัตกรรมดังกล่าวสอดรับกับมาตรการให้การ “รักษาแบบมีระยะห่าง” ของโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ที่คำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุดของบุคลากรทางการแพทย์ และผู้ป่วยของโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ช่วยลดความเสี่ยงการติดเชื้อจากการเผชิญหน้าของทั้งผู้ป่วยและผู้ให้บริการรักษาพยาบาลทุกส่วนงาน เพื่อสนับสนุนมาตรการการเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างเคร่งครัดซึ่งเป็นมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่เชื้อไวรัส COVID-19 ที่ได้ผลดีที่สุด