หลายๆ คนเห็นตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันค่อยๆ เพิ่มขึ้นๆ คงตกใจหวาดกลัวกัน อยากจะช่วยให้แนวคิดเพื่อให้สบายใจกันขึ้นครับว่า
ตัวเลขแบบนี้ถ้าใครติดตามผม คงพอมองเห็นว่าไม่ได้เกินความคาดหมาย แต่ที่สำคัญ ระบบสาธารณสุขเรายังรับได้สบายๆครับ ไม่ต้องจิตตกกังวลกันนัก เดี๋ยวผมจะบอกก่อนจบว่า จริงๆแล้ว ทุกคนควรทำอย่างไรที่ดีกว่าการวิตกกังวลและบ่นกันไปโดยไม่ได้ผลอะไร ทุกอย่างที่เห็นตอนนี้มีเหตุและผลอธิบายได้ทั้งสิ้น ไม่มีใครผิด ไม่มีใครพลาด ทำใจสบายๆ ครับ
ย้ำอีกหนว่า ระบบสาธารณสุขของเรายังรับมือได้สบายๆ ยิ่งตอนนี้ได้ข่าวว่าจะมีภาคเอกชนและอาสาสมัครเข้ามาช่วยกันอย่างพร้อมเพรียง หน่วยราชการที่สำคัญโดยตรงไม่ว่า กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ที่มีมหาวิทยาลัยโรงเรียนแพทย์ระดับโลกอยู่หลายแห่ง ร่วมมือกันขนาดนี้ โควิดก็โควิดเถอะครับ ผมว่ารวมกับน้ำใจคนไทยแล้ว เราผ่านไปได้สบายมาก รัฐบาลก็เข้าใจ ทำให้การจัดหาวัคซีนมาเพิ่มทำได้ค่อนข้างไม่ยากนักแล้ว การให้ข้อมูลความจริงต่างๆ ก็เริ่มดีขึ้น ไม่มีนักวิชาการแปลกๆ มาให้ข่าวทำให้คนสับสน ถึงมี ก็มีคนออกมาแก้ได้ทันที เหลืออีกนิดหน่อยคือ แผนการกระจายและให้วัคซีน กับยาต้านไวรัสที่ยังไม่ชัดเจนนัก แต่ก็พอรู้ว่ากำลังปรับกันอยู่
ผมคาดว่าภายในสิ้นเดือนนี้หากตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ไม่ลดลง(แนะนำทุกๆคนอย่าดูตัวเลขรายวันครับ ดูเฉลี่ยเจ็ดวันจะดีสุด เพราะการรายงานทุกวัน มีปัจจัยมากที่ทำให้มันแกว่งได้) รัฐบาลคงมีมาตรการมาเพิ่มเติมในพื้นที่ที่ควบคุมไม่ได้ เพื่อรอผลวัคซีน (ซึ่งก็ไม่เห็นผลทันทีนะครับ เป็นเดือนกว่าจะเห็นผล) และมาตรการเพิ่มนั้นเมื่อทำแล้วก็จะยังไม่เห็นผลทันที
ดังนั้น ขณะนี้ทุกคนควร
1)ป้องกันตัวเองเต็มสุดความสามารถ ด้วยการใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา และรักษาระยะห่าง (อย่างน้อย 2 เมตรนะครับ) และอยู่ในที่อากาศถ่ายเทเท่านั้น ถ้ามีความจำเป็น เข้าไปในที่อากาศไม่ถ่ายเทไม่อยู่เกิน 20 นาที และล้างมือ รักษาความสะอาด เข้าห้องน้ำชักโครกปิดฝาโถส้วมทุกครั้ง
2)ไม่พบใครที่ไม่ทราบประวัติว่าคนนั้นได้ไปไหนมาเจอใครบ้างย้อนหลังไปสิบห้าวัน (ต้องย้ำว่าโดยเฉพาะคนอายุน้อยกว่า 40 ที่มักไม่มีอาการและเคลื่อนย้ายที่อยู่ไปมาและพบผู้คนต่างๆได้มาก)
3)คนที่อายุน้อยกว่า 40 ไม่ควรไปพบญาติผู้ใหญ่ผู้สูงอายุเป็นอันขาด ถ้าจำเป็นอย่าใกล้กันกว่า 2 เมตร อย่านั่งรับประทานอาหารด้วยกัน และต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา
4)เมื่อมีวัคซีนมาก็รีบไปฉีดครับ ไม่ว่ายี่ห้ออะไรใช้ได้ทั้งนั้น อาการข้างเคียงชั่วครั้งชั่วคราวพอๆ กัน ให้หมอท่านเลือกให้เหมาะสม อย่าไปฟังพวกตื่นตูมเอาเท้าราน้ำ ให้ข้อมูลจริง(บางส่วน)บ้างเท็จบ้าง และสำคัญที่สุด
5)ทุกครั้งที่จะออกจากบ้าน(ถ้าจำเป็น) หรือจะบ่นโทษใคร ถามตัวเองก่อนว่า วันนั้น ขณะนั้นเราได้ทำอะไรเพื่อช่วยลดการแพร่ระบาดบ้างทำครบถ้วนหรือยัง
นึกถึงคำพูดนี้ครับ “ask not what your country can do for you, ask what you can do for your country.”
แต่ในสถานการณ์โควิดคือ “ASK NOT WHAT YOUR COUNTRY DO FOR YOU, ASK WHAT YOU DO FOR YOURSELF (AND OTHERS)” ครับ
บทความโดย ศ.นพ.นิธิ มหานนท์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ และเลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ วันที่ 24 เมษายน 2564